Menu

ขมิ้นอ้อย

ชื่อเครื่องยา

ขมิ้นอ้อย

ชื่ออื่นๆของเครื่องยา

ได้จาก

เหง้า

ชื่อพืชที่ให้เครื่องยา

ขมิ้นอ้อย

ชื่ออื่น(ของพืชที่ให้เครื่องยา)

ขมิ้นอ้อย (กลาง),ขมิ้นขึ้น (เหนือ),แฮ้วดำ (เชียงใหม่), ละเมียด (เขมร) ขมิ้นเจดีย์ ว่านเหลือง ขมิ้นหัวขึ้น สากกะเบือละว้า

ชื่อวิทยาศาสตร์

Curcuma zedoaria (Christm.) Roscoe

ชื่อพ้อง

Amomum latifolium Lam., Amomum zedoaria Christm., Costus luteus Blanco, Costus nigricans Blanco, Curcuma malabarica Velay., Amalraj & Mural., Curcuma pallida Lour., Curcuma raktakanta Mangaly & M.Sabu, Erndlia zerumbet Giseke, Roscoea nigrociliata

ชื่อวงศ์

Zingiberaceae

ลักษณะภายนอกของเครื่องยา:

            เหง้ารูปทรงกระบอก ยาว 4-6 เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 2.5-4 เซนติเมตร ผิวนอกสีเหลืองน้ำตาล เห็นข้อ ระหว่างข้อจะมีรอยย่นตามยาว เนื้อในเหง้าสีเหลืองอ่อน มีกลิ่นหอมเฉพาะ รสฝาดเฝื่อน เผ็ดเล็กน้อย

 

เครื่องยา ขมิ้นอ้อย

 

 

เหง้า ขมิ้นอ้อยสด

 

เหง้าขมิ้นอ้อยสด (ซ้าย)  เหง้าขมิ้นชันสด (ขวา)

 


 

ลักษณะทางกายภาพและเคมีที่ดี:

         ปริมาณความชื้นไม่เกิน 11% v/w  ปริมาณเถ้าที่ไม่ละลายในกรด ไม่เกิน 6.0% w/w  ปริมาณเถ้าชนิดซัลเฟต ไม่เกิน 14.0% w/w  ปริมาณน้ำมันระเหยง่าย ไม่น้อยกว่า 4.0% v/w 

 

สรรพคุณ:

            ตำรายาไทย เหง้า รสฝาดเฝื่อน แก้ไข้ครั่นเนื้อครั่นตัว แก้เสมหะ แก้อาเจียน แก้หนองใน สมานลำไส้ ขับลม ขับปัสสาวะ แก้ท้องเสีย ใช้เป็นยาแก้ปวดท้อง ใช้ภายนอกเอาเหง้าโขลกละเอียด พอกแก้ฟกช้ำบวม แก้เคล็ด อักเสบ แก้พิษโลหิต และบรรเทาอาการปวด รักษาอาการเลือดคั่ง เลือดลมไหลเวียนไม่สะดวก รักษาระดูมาไม่ปกติ แก้ระดูขาว ขับประจำเดือน เหง้าผสมใบเทียนกิ่ง และเกลือเล็กน้อยตำละเอียด พอกหุ้มเล็บ เป็นยากันเล็บถอด

          บัญชียาจากสมุนไพร: ที่มีการใช้ตามองค์ความรู้ดั้งเดิม ตามประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ปรากฏการใช้ขมิ้นอ้อย ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ ในกลุ่มอาการของระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ ตำรับ “ยาประสะมะแว้ง”  มีสรรพคุณของตำรับคือใช้บรรเทาอาการ ไอ มีเสมหะ ทำให้ชุ่มคอ ขับเสมหะ ตำรับ “ยาแก้ลมอัมพฤกษ์” มีส่วนประกอบของขมิ้นอ้อยร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ ในตำรับ มีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดตามเส้นเอ็น กล้ามเนื้อ มือ เท้า ตึงหรือชา ตำรับ "ยาประสะไพล" มีส่วนประกอบของเหง้าขมิ้นอ้อยร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ ในตำรับ มีสรรพคุณรักษาระดูมาไม่สม่ำเสมอ หรือมาน้อยกว่าปกติ บรรเทาอาการปวดประจำเดือน  และขับน้ำคาวปลาในหญิงหลังคลอดบุตร ตำรับ ”ยาเหลืองปิดสมุทร” มีส่วนประกอบของขมิ้นอ้อย ร่วมกับสมุนไพรอื่นๆในตำรับ มีสรรพคุณบรรเทาอาการท้องเสียชนิดที่ไม่เกิดจากการติดเชื้อ เช่น อุจจาระไม่เป็นมูก หรือมีเลือดปนและท้องเสียชนิดที่ไม่มีไข้

 

รูปแบบและขนาดวิธีใช้ยา:

             ขนาดยาทั่วไป 4.5-9 กรัม

 

องค์ประกอบทางเคมี:

            สารกลุ่มเคอร์คิวมินนอยด์ (curcuminoids) ประกอบด้วย เคอร์คิวมิน (curcumin), bisdemethoxycurcumin, demethoxycurcumin, dihydrocurcumin, tetrahydrodemethoxycurcumin,  tetrahydrobisdemethoxycurcumin   น้ำมันระเหยง่าย สารหลักคือสารกลุ่ม sesquiterpene ได้แก่ epicurzerenone 46.6%,  curdione 13.7%

 

การศึกษาทางเภสัชวิทยา:

ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก

      การศึกษาฤทธิ์ในการต้านจุลชีพที่พบในช่องปากของขมิ้นอ้อย โดยการเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์บ้วนปากในท้องตลาด 5 ชนิด ทำการศึกษาในหลอดทดลอง โดยใช้สารสกัดเอทานอล 70% ของเหง้าขมิ้นอ้อย ทดสอบฤทธิ์ต้านเชื้อ Streptococcus mutans, Enterococcus faecalis,  Staphylococcus aureus  และ Candida albicans  โดยใช้สมการการถดถอยแบบเส้นตรง (linear regression method) ในการวัดการลดลงของเชื้อได้ 99.999% ภายใน 60 วินาที ผลการทดลองพบว่า สารสกัดของขมิ้นอ้อย  มีประสิทธิภาพในการยับยั้งเชื้อได้เทียบเท่ากับผลิตภัณฑ์ ในท้องตลาด ได้แก่ สูตร CP+EO (cetylpyridinium chloride (0.5 mg/mL), chamomile, myrrh tinctures, oils of Salvia melaleuca  และ eucalyptus) และสูตร EO (thymol (0.6 mg/mL), eucalyptol (0.92 mg/mL), menthol (0.42 mg/mL) และ methyl salicylate (0.6 mg/mL) (Bugno, et al., 2007)

ฤทธิ์ต้านเชื้อจุลชีพ

      การทดสอบฤทธิ์ต้านเชื้อจุลชีพของสารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์, สารสกัดเฮกเซน, สารสกัดคลอโรฟอร์ม, สารสกัดอะซิโตน, สารสกัดเอทานอล และสารสกัดน้ำ ที่ได้จากเหง้าขมิ้นอ้อย ทำการศึกษาในหลอดทดลอง ตรวจสอบโดยใช้วิธี agar well diffusion method เพื่อหาค่าบริเวณใสในการยับยั้งเชื้อ (zone of inhibition) และใช้วิธี broth dilution method เพื่อหาค่าความเข้มข้นต่ำสุดที่ยับยั้งการเจริญของเชื้อ (MIC) ใช้ยา tetracycline 10 µg เป็นสารมาตรฐานสำหรับเชื้อแบคทีเรีย และใช้ยา clotrimazole 10 µg เป็นสารมาตรฐานสำหรับเชื้อรา เชื้อที่ใช้ทดสอบมี 8 ชนิด แบ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียแกรมบวก 3 ชนิด ได้แก่ Bacillus subtilis, Staphylococcus aureus และ Micrococcus luteus เชื้อแบคทีเรียแกรมลบ 3 ชนิด ได้แก่ Escherichia coli, Proteus mirabilis และ Klebsiella pneumoniae และเชื้อรา 2 ชนิด ได้แก่ Candida albicans และ Aspergillus niger  การตรวจสอบโดยใช้วิธี agar well diffusion method ผลการทดสอบพบว่าสารสกัดที่ได้จากเหง้าขมิ้นอ้อยทุกชนิด ยกเว้นสารสกัดน้ำ มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียได้ทุกชนิด ยกเว้นเชื้อ S. aureus และ E. coli ส่วนการทดสอบเชื้อราพบว่าสารสกัดทุกชนิดสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อ C. albicans ได้ แต่เชื้อ A. niger มีเพียงสารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์ และสารสกัดอะซิโตนที่สามารถยับยั้งได้  ในการตรวจสอบโดยใช้วิธี broth dilution method เพื่อหาค่า MIC ผลการทดสอบพบว่าสารสกัดที่สามารถยับยั้งเชื้อ B. subtilis และ C. albicans ได้ดีที่สุดคือสารสกัดเฮกเซน และอะซิโตน โดยมีค่า MIC เท่ากันคือ 0.01 mg/ml  สารสกัดที่สามารถยับยั้งเชื้อ M. luteus ได้ดีที่สุดคือสารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์ และเฮกเซน โดยมีค่า MIC เท่ากันคือ 0.01 mg/ml สารสกัดที่สามารถยับยั้งเชื้อ P. mirabilis ได้ดีที่สุดคือสารสกัดเฮกเซน โดยมีค่า MIC เท่ากับ 0.01 mg/ml  สารสกัดที่สามารถยับยั้งเชื้อ K. pneumonia ได้ดีที่สุดคือสารสกัดเฮกเซน คลอโรฟอร์ม และอะซิโตน โดยมีค่า MIC เท่ากันคือ 0.01 mg/ml สารสกัดที่สามารถยับยั้งเชื้อ A. niger ได้ดีที่สุดคือสารสกัดอะซิโตน โดยมีค่า MIC เท่ากับ 0.01 mg/ml  (Wilson, et al., 2005)  ดังนั้นจึงอาจนำสารสกัดที่ออกฤทธิ์มาศึกษา และพัฒนายาต้านเชื้อ ได้แก่ K. pneumonia (ก่อให้เกิดการติดเชื้อที่ปอด ทางเดินปัสสาวะ เป็นต้น) P. mirabilis (เป็นสาเหตุของการติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะ การติดเชื้อที่โรงพยาบาล) C. albicans  (ทำให้ติดเชื้อราในช่องปาก บริเวณผิวหนังและเล็บ ผิวหนัง และเยื่อบุชนิดเรื้อรัง โรคติดเชื้อราบริเวณอวัยวะเพศ เป็นต้น)  A. niger (ทำให้เกิดโรคหูชั้นนอกอักเสบ (otomycosis) บางสายพันธุ์สร้าง aflatoxin ในอาหารแห้ง) B. subtilis (สามารถก่อโรคฉวยโอกาสได้ในผู้ที่ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และสามารถก่อโรคอาหารเป็นพิษได้) M. luteus (เป็นสาเหตุให้อาหารหลายชนิดเน่าเสีย (microbial spoilage) เช่น นม ไข่ อาหารทะเล เนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ เป็นต้น

ฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด

       การทดสอบฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดของสารสกัดเมทานอลที่ได้จากเหง้าขมิ้นอ้อย ด้วยวิธี oral glucose tolerance tests (OGTT) ทำการศึกษาในหนูถีบจักรเพศผู้ สายพันธุ์ Swiss albino โดยป้อนสารสกัดเมทานอลที่ได้จากเหง้าขมิ้นอ้อยในขนาดความเข้มข้น 50, 100, 200 และ 400 mg/kg ให้แก่หนูแต่ละกลุ่ม หลังจากนั้น 1ชั่วโมง ชักนำให้หนูเกิดภาวะระดับกลูโคสในเลือดสูงเฉียบพลันด้วยการป้อนสารละลายกลูโคส ขนาด 2 g/kg หลังจากนั้น 120 นาที จึงเก็บเลือดเพื่อมาตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด ใช้ยา glibenclamide ขนาด 10 mg/kg เป็นสารมาตรฐาน ผลการทดสอบพบว่าสารสกัดเมทานอลที่ได้จากเหง้าขมิ้นอ้อยทุกความเข้มข้นที่ใช้ทดสอบ สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และออกฤทธิ์เพิ่มขึ้นตามระดับความเข้นข้นที่เพิ่มขึ้น โดยสารสกัดขนาด 50, 100, 200, 400 mg/kg และยามาตรฐาน glibenclamide ทำให้ค่าระดับน้ำตาลในเลือดเท่ากับ 8.33±0.54, 8.00±0.62, 7.78±0.61, 5.93±0.87 และ 4.77±0.51 mmol/l ตามลำดับ เมื่อคิดเป็นร้อยละของการลดระดับน้ำตาลในเลือด เท่ากับ 36.9, 39.4, 41.1, 55.1 และ 63.9% ตามลำดับ โดยมีความเชื่อมั่นที่ p<0.05เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม (Rahmatullah, et al., 2012)

ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ

      การศึกษาส่วนประกอบ และฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระของน้ำมันระเหยง่าย ที่แยกได้จากเหง้าแห้งของขมิ้นอ้อย โดยใช้วิธีการกลั่นด้วยไอน้ำ และสกัดด้วยตัวทำละลาย และทำการสกัดแยกส่วนสกัดย่อยของน้ำมันระเหยง่าย โดยใช้เทคนิค silica gel column chromatography พบสารประกอบ 36ชนิด ได้แก่ terpenes 17 ชนิด, alcohols 13 ชนิด และ ketones 6 ชนิด โดยพบว่าองค์ประกอบหลักที่พบคือ สาร epicurzerenone และ curzerene  ปริมาณ 24.1 และ 10.4% ตามลำดับ ผลการทดสอบฤทธิ์ยับยั้งปฏิกิริยาออกซิเดชันด้วยวิธีทางเคมี พบว่าน้ำมันระเหยง่ายขนาด 20 mg/ml ออกฤทธิ์ในระดับปานกลางถึงระดับดีมากในการต้านอนุมูลอิสระ DPPH  ออกฤทธิ์ดีในการเป็น reducing power (เป็นการวัดความสามารถในการรีดิวซ์สารประกอบเชิงซ้อนของเหล็กซึ่งเป็นคุณสมบัติของสารต้านอนุมูลอิสระ) และออกฤทธิ์ระดับต่ำในการจับเหล็ก (เนื่องจากเหล็กอิสระที่มีอยู่ทั่วร่างกายสามารถเหนี่ยวนำให้เกิดอนุมูลอิสระ) และได้ทำการแยกส่วนสกัดย่อยของน้ำมันระเหยง่ายออกมา พบว่าส่วนสกัดย่อยที่ 4 มีองค์ประกอบหลักคือ สารบริสุทธิ์ 5-isopropylidene-3,8-dimethyl-1(5H)-azulenone แสดงฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่าน้ำมันระเหยง่าย (Mau, et al., 2003)

ฤทธิ์แก้ปวดและต้านการอักเสบ

     การศึกษาสารบริสุทธิ์ curcumenol ที่แยกได้จากสารสกัด dichloromethane จากเหง้าแห้งขมิ้นอ้อย พบว่าออกฤทธิ์แรงในการลดอาการปวดในหนูถีบจักร ในหลายการทดสอบ ได้แก่ Writhing Test , Formalin และ Capsaicin โดยเปรียบเทียบกับยามาตรฐาน diclofenac, aspirin และ dipyrone ในการทดสอบ Writhing Test ใช้กรดอะซิติกฉีดเข้าช่องท้องของหนู เพื่อให้เกิดอาการเจ็บปวด หลังจากให้สารทดสอบขนาด 1-10 mg/kg เข้าทางช่องท้องแล้ว 30 นาที และนับจำนวนครั้งที่หนูเกิดการหดตัวของช่องท้องตามด้วยการยืดกล้ามเนื้อ ภายในเวลา 20 นาที หลังฉีดกรดอะซิติก ผลการทดสอบพบว่าสาร curcumenol สามารถลดจำนวนการเกร็งของการเกิด writhingได้ดีกว่าสารมาตรฐานทั้ง 3 ชนิด โดยมีค่า ID50 ของสาร curcumenol, diclofenac, aspirin และ dipyrone เท่ากับ 22, 38, 133และ 162 ไมโครโมล/กิโลกรัม ตามลำดับ  และการทดสอบฤทธิ์ระงับปวดที่สัมพันธ์กับการอักเสบ (Inflammatory analgesia) โดยการฉีด formalin และ capsaicin การทดลอง formalin ทำโดยการฉีดสารทดสอบในขนาด 3-15 mg/kg เข้าทางช่องท้องหนู หลังจากนั้น 1 ชั่วโมง ฉีด formalin เข้าทางใต้ผิวหนังบริเวณอุ้งเท้าหลังด้านซ้าย แล้วสังเกตพฤติกรรมการยกเท้าขึ้นเลียของหนู ใน 2 ช่วงคือ first phase (0-5 นาที หลังจากฉีด formalin) ซึ่งแสดงถึงอาการปวดแบบเฉียบพลัน (acute pain) อีกช่วงหนึ่งคือ second phase (15-30 นาที หลังจากฉีด formalin) ซึ่งแสดงถึงการอักเสบ (inflammation phase) พบว่าสาร curcumenol สามารถลดการอักเสบระยะ second phase ได้ดีกว่าสารมาตรฐานทั้ง 3 ชนิด โดยมีค่า ID50 ของสาร curcumenol, diclofenac, aspirin และ dipyrone เท่ากับ 29, 34.5, 123 และ  264 ไมโครโมล/กิโลกรัม ตามลำดับ  การทดสอบด้วย capsaicin ทำโดยการฉีดสารทดสอบในขนาด 1-10 mg/kg เข้าทางช่องท้องหนู หลังจากนั้น 1 ชั่วโมง ฉีด capsaicin เข้าทางใต้ผิวหนังบริเวณอุ้งเท้าหลังด้านขวา แล้วสังเกตพฤติกรรมการยกเท้าขึ้นเลียของหนู เป็นเวลา 5 นาที พบว่าสาร curcumenol สามารถลดการปวดเฉียบพลัน ได้ดีกว่ายามาตรฐาน diclofenac โดยมีค่า ID50 ของสาร curcumenol, diclofenac และ dipyrone เท่ากับ 12, 47 และ 208 ไมโครโมล/กิโลกรัม ตามลำดับ กลไกการออกฤทธิ์ลดปวด และลดการอักเสบของสาร curcumenol นี้ไม่ได้ผ่าน opioid system เนื่องจากไม่ให้ผลการทดสอบด้วยวิธี hot plate (Navarro, et al., 2002)

       ศึกษาสาร sesquiterpenoides 2 ชนิด ที่สกัดได้จากเหง้า เมื่อนำไปทดสอบฤทธิ์ต้านการอักเสบ ในหลอดทดลอง ในการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ COX-2  และ nitric oxide synthase (iNOS) (หากเอนไซม์ทั้ง 2 ชนิดถูกกระตุ้น จะมีการสร้างสารที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบได้แก่ พรอสตาแกลนดิน และไนตริกออกไซด์ ตามลำดับ) โดยทำการทดสอบกับเซลล์แมคโครฟาจ ชนิด raw 264.7 ของหนูถีบจักร ซึ่งถูกเหนี่ยวนำให้เกิดการอักเสบด้วย lipopolysaccharide (LPS) พบว่า สารทั้ง 2 ชนิด คือ beta-turmerone และ ar-turmerone มีฤทธิ์แรงในการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ทั้งสองชนิด โดยยับยั้งเอนไซม์ COX-2  ด้วยค่า IC50  เท่ากับ 1.6 และ 5.2 microg/mL ตามลำดับ และยับยั้ง iNOS โดยมีค่า IC50  เท่ากับ 4.6 และ 3.2 microg/mLตามลำดับ (Lee, et al, 2002)

ฤทธิ์ทำให้สงบระงับ

       การทดสอบฤทธิ์ทำให้สงบระงับของสารสกัดแอลกอฮอล์จากเหง้าขมิ้นอ้อย และสารสกัดซึ่งได้จากการแยกส่วนประกอบของสารสกัดหยาบด้วยคลอโรฟอร์ม แยกเป็นส่วนที่ละลายในคลอโรฟอร์ม และส่วนที่ไม่ละลายในคลอโรฟอร์ม ทดสอบโดยป้อนสารสกัดแก่หนูถีบจักรเพศผู้ หลังจากนั้น 30 นาที ฉีด pentobarbitalขนาด 50 mg/kg เข้าทางช่องท้อง เพื่อเหนี่ยวนำให้หนูหลับ ผลการทดสอบพบว่า สารสกัดหยาบขนาด 0.5 g/kg และส่วนที่ละลายในคลอโรฟอร์มขนาด 100 และ 300 mg/kg สามารถยืดระยะเวลาการนอนหลับของหนูถีบจักรที่เหนี่ยวนำให้หลับด้วย pentobarbital ได้อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเปรียบเทียบผลกับกลุ่มควบคุม และเมื่อป้อนสารสกัดหยาบขนาด 0.5 g/kg และส่วนที่ละลายในคลอโรฟอร์ม 100 mg/kg สามารถให้ผลลดพฤติกรรมการสำรวจในหนูถีบจักรได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยการทดสอบพฤติกรรมใช้วิธี hole board method  การทดสอบหากลไกการออกฤทธิ์ทำให้สงบระงับโดยใช้ neurotransmitter blockers หรือ antagonists ต่อตัวรับต่างๆ ได้แก่ atropine (ยาปิดกั้นตัวรับ muscarinic), naloxone (ยาปิดกั้นตัวรับ opioid) และ flumazenil (ยาปิดกั้นตัวรับของ benzodiazepine) พบว่า atropine และ naloxone สามารถต้านการออกฤทธิ์การยืดระยะเวลาการนอนหลับในหนูถีบจักรที่ได้รับสารสกัดหยาบขนาด 0.5 g/kg และส่วนที่ละลายในคลอโรฟอร์มขนาด 100 mg/kg ได้อย่างมีนัยสำคัญ ส่วน flumazenil ไม่สามารถต้านฤทธิ์สงบระงับของสารสกัดหยาบด้วยแอลกอฮอล์ แต่สามารถต้านฤทธิ์สงบระงับของส่วนที่ละลายในคลอโรฟอร์มได้ สรุปได้ว่าส่วนที่ละลายในคลอโรฟอร์มของสารสกัดหยาบจากเหง้าขมิ้นอ้อยมีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์สงบระงับ การออกฤทธิ์สงบระงับอาจใช้กลไกผ่าน GABA pathway, muscarinic receptor pathway และผ่าน opioid receptor pathway (Jutathip, et al., 2005)

      สารสกัดเหง้าขมิ้นอ้อยที่สกัดด้วย 80% เอทานอล โดยวิธีการหมัก นำมาทดสอบโดยการวัดระยะเวลาการนอนหลับ และพฤติกรรมการเคลื่อนไหว (locomotor activity)ในหนูถีบจักรเพศผู้ พบว่าสารสกัดเหง้าขมิ้นอ้อยขนาด 1 และ 2 กรัม/กิโลกรม ของน้ำหนักหนู โดยการป้อนทางปาก สามารถยืดระยะเวลาการนอนหลับของหนุถีบจักรที่ถูกเหนี่ยวนำให้นอนหลับด้วยยา pentobarbital ขนาด 50 มก./กก. (ฉีดเข้าทางช่องท้อง) นานขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) นอกจากนี้ยังพบว่า สารสกัดเหง้าขมิ้นอ้อยขนาด 1 ก./กก. เมื่อป้อนทางปากสามารถลดพฤติกรรมการเคลื่อนไหว ในหนูถีบจักรที่กระตุ้นด้วย methamphetamine ขนาด 3 มก./กก. (ฉีดเข้าทางช่องท้อง) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05)  (พัฒนชัย และสัจจา, 2541)

ฤทธิ์ยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด 

    การทดสอบฤทธิ์ยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือดของสารสกัดเอทานอลที่ได้จากเหง้าขมิ้นอ้อย ทำการศึกษาในหลอดทดลอง ตรวจสอบการยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด ที่ถูกกระตุ้นการเกาะกลุ่มด้วย adenosine diphosphate (ADP) โดยใช้เครื่องวัดการเกาะกลุ่มกันของเกล็ดเลือด (platelet aggregometer) ศึกษาความเป็นพิษของสารสกัดต่อเกล็ดเลือดโดยวิธี MTT และศึกษาฤทธิ์ต่อกระบวนการแข็งตัวของเลือดโดยการทดสอบ prothrombin time (PT) และ activated partial thromboplastin time (aPTT) ผลการทดสอบพบว่า สารสกัดเอทานอลจากขมิ้นอ้อยที่ความเข้มข้น 1, 2, 3, 4 และ 5 mg/ml สามารถยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด ได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ p<0.05 เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม โดยมีค่าร้อยละของการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด เท่ากับ 83.48±4.4, 64.25±4.4, 50.33±4.2, 46.81±2.7 และ 44.00±1.0% ตามลำดับ  ค่าความเข้มข้นที่ยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือดได้ร้อยละ 50 (IC50) เท่ากับ 4.8 mg/ml และไม่เป็นพิษต่อเกล็ดเลือด รวมทั้งไม่มีฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการแข็งตัวของเลือดเมื่อใช้สารสกัดขนาด 2 mg/ml (p<0.05) โดยการยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือดของสารสกัดขนาด 5 mg/ml ออกฤทธิ์การยับยั้งมากกว่า แอสไพรินขนาด 5 mg/ ml อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ  การตรวจสอบความเป็นพิษต่อเกล็ดเลือด ของสารสกัดเอทานอลที่ได้จากขมิ้นอ้อยความเข้มข้น 1, 2, 3, 4 และ 5 mg/ml วัดค่าร้อยละการมีชีวิตรอดของเซลล์ (% cell viability) ได้เท่ากับ 102.16±9.6, 101.47±6.4, 99.28±5.6, 95.68±8.1 และ 95.63±4.5% ตามลำดับ โดยสรุปสารสกัดหยาบจากขมิ้นอ้อยสามารถยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือดในหลอดทดลองได้  จึงอาจนำไปสู่การพัฒนายาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ป้องกันและรักษาภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ในผู้ป่วยโรคหัวใจ และหลอดเลือด  หรือโรคที่เกิดจากความผิดปกติของกระบวนการแข็งตัวของเลือด เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าสาร curcumin (พบมากในขมิ้นชัน ขมิ้นอ้อย) สามารถยับยั้งกระบวนการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือดโดยยับยั้ง thromboxane และยับยั้ง calcium เข้าสู่เกล็ดเลือด และสาร ar-turmerone ที่สกัดได้จากขมิ้นชันสามารถยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือดที่ถูกกระตุ้นด้วย collagen และ arachidonic acid (AA) ได้ (Duangmano, et al., 2016)

 

การศึกษาทางคลินิก:

       ไม่มีข้อมูล

 

การศึกษาทางพิษวิทยา:

      การทดสอบพิษเฉียบพลันของสารสกัดเหง้าด้วยเอทานอล 50% โดยให้หนูกินในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม (คิดเป็น 1,250 เท่า เปรียบเทียบกับขนาดรักษาในคน) และให้โดยการฉีดเข้าใต้ผิวหนังหนู ในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ตรวจไม่พบอาการเป็นพิษ (กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์, 2546)

     การศึกษาความเป็นพิษต่อเซลล์ในหลอดทดลองของสารสกัดเอทานอลจากเหง้าขมิ้นอ้อย นำมาทดสอบความปลอดภัยต่อเซลล์เยื่อบุผนังในช่องปาก โดยทำการทดลองกับ LMF cell line ที่ได้จากเยื่อบุผนังช่องปาก (oral mucosa) โดยใช้เทคนิค Trypan blue dye exclusion assay โดยทำการฉีดสารสกัดเข้าไปในเซลล์ และวัดความมีชีวิตรอดของเซลล์(Cell viability) ทั้งแบบระยะสั้น (short-term assay) ที่เวลา 0, 6, 12 และ 24 ชั่วโมง หลังได้รับสารสกัด และวัดการเจริญเติบโตของเซลล์ (Cell growth) ระยะยาว (long-term assay) ที่  1, 3, 5 และ 7 วัน ผลการทดลองพบว่า การทดสอบที่ระยะสั้น เซลล์ยังคงมีชีวิตอยู่ และในระยะยาว พบว่าเซลล์ยังคงเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า สารสกัดของขมิ้นอ้อยมีความเป็นพิษต่อเซลล์ต่ำ และสามารถนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดช่องปากได้ (Fernandes, et al., 2012)

     การทดสอบความเป็นพิษในส่วนที่ละลายในคลอโรฟอร์มของสารสกัดหยาบจากเหง้าขมิ้นอ้อย ทำการทดสอบโดยหาค่า LD50 ในหนูถีบจักร ผลการทดสอบพบว่า เมื่อป้อนสารสกัดครั้งเดียว LD50 มีค่ามากกว่า 2 g/kg ซึ่งบ่งชี้ได้ว่าส่วนที่ละลายในคลอโรฟอร์มไม่มีความเป็นพิษ และเมื่อให้ต่อเนื่องวันละครั้งขนาด (50, 100, 300 mg/kg) ทุกวัน นาน 14 วัน ไม่พบว่ามีความแตกต่างของน้ำหนักตัวและสารเคมีในเลือด (BUN, Creatinine, AST, ALT, APT) ของหนูถีบจักร เมื่อเปรียบเทียบกันในกลุ่มทดลอง เมื่อตรวจเนื้อเยื่อ (ตับ ไต หัวใจ ทางเดินอาหาร) ของหนูกลุ่มที่ป้อนสารสกัดก็ไม่แตกต่างจากกลุ่มควบคุม (Jutathip, et al., 2005)

 

เอกสารอ้างอิง:

1. กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. 2546. ประมวลผลงานวิจัยด้านพิษวิทยา ของสถาบันวิจัยสมุนไพร เล่ม 1.โรงพิมพ์การศาสนา:กรุงเทพมหานคร.

2. พัฒนชัย  เสถียรโชควิศาล, สัจจา ศุภรพันธ์. ฤทธิ์สงบระงับของสมุนไพรไทยขมิ้นอ้อย [ปริญญาวิทยาศาสตร์บัณฑิต]. กรุงเทพฯ. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2541.

3. Bugno A, Nicoletti MA, Almodóvar AAB, Pereira TC, Auricchio MT. Antimicrobial efficacy of Curcuma zedoaria extract as assessed by linear regression compared with commercial mouthrinses. Brazilian Journal of Microbiology. 2007;38:440-445.

4. Duangmano S, Wonkngam S, Ladchantha P, Palanan W, Wongtagan O. Inhibitory effect of various Thai natural plants ethanolic extracts on platelet aggregation and blood coagulation in vitro. Bull Chiang Mai Asso Med Sci. 2016;49(1):77-89.

5. Fernandes JP, Mello-Moura AC, Marques MM, Nicoletti MA.. Cytotoxicity evaluation of Curcuma zedoaria (Christm.) Roscoe fluid extract used in oral hygiene products. Acta Odontol Scan. 2012;70(6):610-614.

6. Jutathip T. Sedative effects and toxicity test of Curcuma zedoaria Roscoe in mice. [Thesis, Master of Science], Bangkok. Mahidol University. 2005.

7. Lee SK, Hong CH, Huh SK, Kim SS, Oh OJ, Min HY, et al.  Suppressive effect of natural sesquiterpenoids on inducible cyclooxygenase (COX-2) and nitric oxide synthase (iNOS) activity in mouse macrophage cells.  J Environ Pathol Toxicol Oncol 2002;21(2):141-8.

8. Mau J-L, Lai EYC, Wang N-P, Chen C-C, Chang C-H, Chyau C-C. Composition and antioxidant activity of the essential oil from Curcuma zedoaria. Food Chemistry. 2003;82(4):583-591.

9. Navarro DF, Souza MM, Neto RA, Golin V, Niero R, Yunes RA, et al. Phytochemical analysis and analgesic properties of Curcuma zedoaria grown in Brazil. Phytomedicine. 2002;9(5):427-32.

10. Rahmatullah M, Azam NK, Pramanik S, Rahman SS, Jahan R. Antihyperglycemic activity evaluation ofrhizomes of Curcuma zedoaria (Christm.) Roscoe and fruits of Sonneratia caseolaris (L.). Engl Int J Pharm Tech Res. 2012;4(1):125-129.

11. Wilson B, Abraham G, Manju VS,Mathew M, Vimala B, Sundaresan S, et al. Antimicrobial activity of Curcuma zedoariaand Curcuma malabarica tubers. J Ethnopharmacology. 2005;99:147-151.

 

ข้อมูลตำรับยาประสะมะแว้ง      : www.thai-remedy.com

ข้อมูลตำรับยาแก้ลมอัมพฤกษ์  : www.thai-remedy.com

ข้อมูลตำรับยาประสะไพล         :  www.thai-remedy.com

ข้อมูลตำรับยาเหลืองปิดสมุทร  www.thai-remedy.com



ข้อมูลอ้างอิงจาก : ฐานข้อมูลเครื่องยาสมุนไพร คณะเภชัยศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

บทความสมุนไพร

บทความสมุนไพรที่มีข้อมูลเกี่ยวข้องกับ ขมิ้นอ้อย

...

Other Related ขมิ้นอ้อย

ข้อมูล ขมิ้นอ้อย จากสารานุกรมวิกิพีเดีย


ขมิ้นอ้อย การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ อาณาจักร: Plantae ไม่ได้จัดลำดับ: Angiosperms ไม่ได้จัดลำดับ: Monocots ไม่ได้จัดลำดับ: Commelinids อันดับ: Zingiberales วงศ์: Zingiberaceae สกุล: Curcuma สปีชีส์: Curcuma spp. ชื่อทวินาม Curcuma spp. (Christm.) Roscoe ขมิ้นอ้อยหรือขมิ้นขึ้น ชื่อวิทยาศาสตร์: Curcuma spp. เป็นพืชในวงศ์ขิง เป็นไม้ล้มลุกโตเร็ว ลำต้นตั้งตรง แตกหน่อมาก ผิวเหง้าด้านนอกสีเทา เนื้อสีขาวแกมเหลืองไปจนถึงเหลืองสด มีรากมาก รากกลมมีเนื้อนุ่มภายใน ก้านใบหุ้มกันแน่นเป็นลำต้นเทียม ผิวใบด้านบนสีเขียวเข้ม มีแถบสีน้ำตาลแดงตรงกลางใบ ใบแก่แถบสีจางลงช่อดอกเจริญจากเหง้าโดยตรงมีริ้วประดับเรียงเวียน โคนช่อเป็นสีเขียว กลางช่อเป็นสีม่วง ดอกสีขาวแกมเหลือง ผลเป็นแคบซูลรูปไข่ ผิวเรียบ แตกด้านข้าง เมล็ดรูปรี สีเทา ขมิ้นอ้อยมีลักษณะคล้ายว่านชักมดลูกต่างกันที่กลีบดอก ขมิ้นอ้อยเป็นสีขาวแกมเหลือง แถบสีน้ำตาลแดงบนใบมีสองด้าน ว่านชักมดลูกเป็นสีชมพู แถบสีน้ำตาลแดงบนใบมีด้านเดียว สีเหง้าของขมิ้นอ้อยสีอ่อนกว่า ช่อดอกขนาดเล็กกว่า ขมิ้นอ้อยต่างจากขมิ้นชันที่ใบมีขนนิ่มด้านล่าง เหง้าขนาดใหญ่กว่า เนื้อในสีเหลืองอ่อนกว่า เหง้ามักโผล่พ้นดิน กลิ่นฉุนน้อยกว่า[1] กระจายพันธุ์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีนและไต้หวัน เหง้าใช้ทำแป้งโชติซึ่งเป็นแป้งย่อยง่ายเหมาะสำหรับทารก ในอินโดนีเซียนำยอดอ่อนมารับประทานเป็นผัก อินเดียใช้เหง้าทำเครื่องหอม เป็นยาสมุนไพร ใช้เป็นยาขับลมและขับน้ำคาวปลาหลังคลอดบุตร ใช้ล้างรักษาแผล เหง้าใช้เคี้ยวดับกลิ่นปาก น้ำต้มเหง้าแก้ปวดท้อง ในทางไสยศาสตร์เชื่อว่าเป็นว่านที่ทำให้คงกระพันชาตรี[2] อ้างอิง

พีรศักดิ์ วรสุนทโรสถ และคณะ. ทรัพยากรพืชในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 9: พืชให้คาร์โบไฮเดรตที่ไม่ใช่เมล็ด. กทม. สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย. 2544 หน้า 99 - 101 ↑ อาหารจากสมุนไพร อร่อย สุขภาพดี. กทม. แม่บ้าน. มปป.หน้า 98 – 100 ↑ เศรษฐมนตร์ กาญจนกุล. ว่าน. กทม. เศรษฐศิลป์. 2553 แหล่งข้อมูลอื่น

วิกิสปีชีส์มีข้อมูลภาษาอังกฤษเกี่ยวกับ Curcuma zedoaria คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: ขมิ้นอ้อย Ars-Grin.gov เก็บถาวร 2010-05-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Curcuma zedoaria information from NPGS/GRIN CatalogueOfLife.org[ลิงก์เสีย] , Catalogue of Life: 2008 Annual Checklist : Curcuma zedoaria (Christm.) Roscoe Iptek.net.id เก็บถาวร 2008-10-20 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Situs ipteknet (อินโดนีเซีย) NIH.go.jp เก็บถาวร 2009-03-27 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, On curcuma zedoaria (ญี่ปุ่น: ウコンについて ) (ญี่ปุ่น) ดคกสมุนไพรและเครื่องเทศสมุนไพร แอนเจลิกา กะเพรา โหระพา ใบกระวาน แกง (กระวานอินเดีย) โบลโด Borage เชอร์วิล กุยช่าย กุยช่ายฝรั่ง ซิเซอลี ผักชี Coriander, Bolivian ผักแพว ผักชีฝรั่ง เทียนแดง หอมแขก (ใบกะหรี่) ผักชีลาว เอปาโซเต กัญชง โอฆาซานตา คาวทอง หุสบ Jimbu ผักเลือนขน ลาเวนเดอร์ สะระแหน่ ตะไคร้ Lemon myrtle Lemon verbena ผักแขยง โกฐเชียง มาร์เจอรัม มินต์ มักเวิร์ต มิตสึบะ ออริกาโน พาร์สลีย์ งาขี้ม่อน โรสแมรี อีหรุด เซจ เซเวอรี ซันโช (ใบ) ชิโซะ ซอเริล Tarragon ไทม์ วุดรัฟ ตังกุย เครื่องเทศ อาโอโนริ เทียนเยาวพาณี ออลสไปซ์ อัมจูร เทียนสัตตบุษย์ โป๊ยกั้ก มหาหิงคุ์ การบูร เทียนตากบ กระวาน/กระวานเทศ กระวานไทย อบเชยจีน ขึ้นฉ่าย มะม่วงหัวแมงวัน เฉินผี อบเชย กานพลู ผักชี พริกหาง ยี่หร่า เทียนดำ Bunium persicum ผักชีลาว ยี่หร่าฝรั่ง ลูกซัด กระชาย ข่า ข่าตาแดง กระเทียม ขิง เปราะหอม โกลแพร์ Grains of Paradise Grains of Selim ฮอร์สแรดิช Juniper berry โกกัม Korarima มะนาวแห้ง ชะเอมเทศ ตะไคร้ต้น จันทน์เทศ ขมิ้นขาวป่า แมสติก Mahlab มัสตาร์ด มัสตาร์ดดำ มัสตาร์ดน้ำตาล มัสตาร์ดขาว เทียนดำ Njangsa Pepper, alligator Pepper, Brazilian พริก พริกเคเยน Paprika ตาบัสโก ฆาลาเปญโญ ชิโปตเล ดีปลี Pepper, Peruvian Pepper, East Asian พริกเสฉวน ซันโช (ผล) Pepper, Tasmanian พริกไทย ทับทิม เมล็ดฝิ่น ผักชีไร่ กุหลาบมอญ หญ้าฝรั่น เกลือ ซาร์ซาปาริยา Sassafras งา Shiso (seeds, berries) Sumac มะขาม ถั่วตองกา ขมิ้น Uzazi วานิลลา Voatsiperifery วาซาบิ ยูซุ ขมิ้นอ้อย Zereshk Zest บทความพีชนี้ยังเป็นโครง คุณสามารถช่วยวิกิพีเดียได้โดยการเพิ่มเติมข้อมูลดคก เข้าถึงจาก "https://th.wikipedia.org/w/index.php?title=ขมิ้นอ้อย&oldid=9862240"
.

บทความผลวิจัยสมุนไพรที่เกี่ยวข้องกับ ขมิ้นอ้อย

ดูผลวิจัยสมุนไพรทั้งหมด Click ที่นี่

1409

ฤทธิ์ฆ่าเชื้ออะมีบา
ฤทธิ์ฆ่าเชื้ออะมีบา Acanthamoeba ของน้ำมันหอมระเหยจากพืชการศึกษาฤทธิ์ฆ่าเชื้ออะมีบา Acanthamoeba sp. ของน้ำมันหอมระเหยจากพืช 10 ชนิด ได้แก่ดีปลี (Piper retrofractum), พริกไทย (Piper nigrum), ช้าพลู (Piper sarmentosum), มะกรูด (Citrus hystrix), ส้มเขียวหวาน (Citrus reticulata), แก้ว (Murraya paniculata), เร่วน้อย (Amomum uliginosum), ขมิ้น (Curcuma longa), ขมิ้นอ้อย (Curcuma zedoaria), กระชาย (Kaempferia pandurata) ที่ความเข้มข้น 50 มก./มล. พบว่าน้ำมันหอมระเหยจากดีปลี พริกไทย มะกรูด ขมิ้น และกระช...

143

การศึกษาฤทธิ์แก้ปวดของขมิ้นอ้อย
การศึกษาฤทธิ์แก้ปวดของขมิ้นอ้อย การสกัดแยกขมิ้นอ้อย พบว่าได้สาร curcumenol ซึ่งมีฤทธิ์แก้ปวด เมื่อทดสอบในการทดลองหลายอัน และพบว่ามีฤทธิ์ดีกว่ายาแก้ปวดแอสไพริน และไดไพโรนในบางการทดลอง และฤทธิ์นี้ไม่ได้ผ่าน opioid receptor Phytomedicine 2002;9:427-32 ข้อมูลอ้างอิงจาก : ข่าวความเคลื่อนไหวสมุนไพร : สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล...

909

ฤทธิ์ลดอาการมึนเมาของขมิ้นอ้อย
ฤทธิ์ลดอาการมึนเมาของขมิ้นอ้อยศึกษาฤทธิ์ลดอาการมึนเมาจากสารสกัดของขมิ้นอ้อย โดยทดลองป้อนสารสกัดขมิ้นอ้อย 5 ชนิดให้แก่หนูเม้าส์ผ่านทางหลอดสวนกระเพาะ ได้แก่ สารสกัด 30% เอทานอล (ขนาด 500 และ 1,000 มก./กก.) ส่วนสกัดของขมิ้นอ้อยที่ละลายในเฮกเซน (n-hexane) (ขนาด 100 และ 300 มก./กก.) ส่วนสกัดของขมิ้นอ้อยที่ละลายใน เมทานอล (ขนาด 150 และ 450 มก./กก.) ส่วนสกัดของขมิ้นอ้อยที่ไม่ละลายในเมทานอล (ขนาด 250 และ 500 มก./กก.) และสารสำคัญ curcumenone ที่สกัดแยกได้จากส่วนสกัดของขมิ้นอ้อยที่ละลายในเฮกเซน โดยวิ...

สมุนไพรอื่นๆ

71

เทียนเยาวพาณี
เทียนเยาวพาณี ชื่อเครื่องยาเทียนเยาวพาณี ชื่ออื่นๆของเครื่องยา ได้จากผลแก่แห้ง ชื่อพืชที่ให้เครื่องยาเทียนเยาวพาณี (ajowan) ชื่ออื่น(ของพืชที่ให้เครื่องยา) ชื่อวิทยาศาสตร์Trachyspermum ammi (L.) Sprague ชื่อพ้องAmmi copticum L., Ammios muricata Moench, Athamanta ajowan Wall., Bunium copticum (L.) Spreng., Carum ajowan Benth. & Hook.f., Carum aromaticum Druce, Carum copticum (L.) Benth. & Hook. f., Carum panatjan Baill., Cyclospermum ammi (L.) Lag., Daucus anisodoru...

175

ผักเสี้ยนผี
ผักเสี้ยนผี ชื่อเครื่องยาผักเสี้ยนผี ชื่ออื่นๆของเครื่องยา ได้จากทั้งต้น ชื่อพืชที่ให้เครื่องยาผักเสี้ยนผี ชื่ออื่น(ของพืชที่ให้เครื่องยา)ส้มเสี้ยนผี (เหนือ), ผักเสี้ยนตัวเมีย, ไปนิพพานไม่รู้กลับ ชื่อวิทยาศาสตร์Cleome viscosa L. ชื่อพ้องArivela viscosa (L.) Raf., Cleome acutifolia Elmer, Cleome icosandra L., Polanisia icosandra (L.) Wight & Arn., Polanisia microphylla Eichler, Polanisia viscosa (L.) Blume, Sinapistrum viscosum ชื่อวงศ์Cleomaceae ลั...

22

กำลังเลือดม้า
กำลังเลือดม้า ชื่อเครื่องยากำลังเลือดม้า ชื่ออื่นๆของเครื่องยาประดงเลือด ได้จากเปลือกต้น ชื่อพืชที่ให้เครื่องยากำลังเลือดม้า ชื่ออื่น(ของพืชที่ให้เครื่องยา)มะม่วงเลือดน้อย ประดงเลือด ประดงไฟ เลือดควาย ชื่อวิทยาศาสตร์Knema angustifolia (Roxb.) Warb. ชื่อพ้อง ชื่อวงศ์Myristicaceae ลักษณะภายนอกของเครื่องยา:            เปลือกสีน้ำตาลเข้ม มีด่างขาวประปราย เปลือกแตกเป็นร่องยาว เนื้อไม้สีเหลือง และเปลือกใ...

7

กระแตไต่ไม้
กระแตไต่ไม้ ชื่อเครื่องยากระแตไต่ไม้ ชื่ออื่นๆของเครื่องยา ได้จากเหง้า ชื่อพืชที่ให้เครื่องยากระแตไต่ไม้ ชื่ออื่น(ของพืชที่ให้เครื่องยา)ฮำฮอก (อุบลราชธานี); ใบหูช้าง สไบนาง (กาญจนบุรี); กูดขาฮอก กูดอ้อม กูดไม้ (เหนือ); กระปรอกว่าว (ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี),หัวว่าว (ประจวบคีรีขันธ์);หว่าว (ปน) สะโมง กาบหูช้าง หัวว่าว ชื่อวิทยาศาสตร์Drynaria quercifolia (L.) J.Sm. ชื่อพ้อง ชื่อวงศ์Polypodiaceae ลักษณะภายนอกของเครื่องยา:     &n...

108

ม้ากระทืบโรง
ม้ากระทืบโรง ชื่อเครื่องยาม้ากระทืบโรง ชื่ออื่นๆของเครื่องยา ได้จากเถา เนื้อไม้ ชื่อพืชที่ให้เครื่องยาม้ากระทืบโรง ชื่ออื่น(ของพืชที่ให้เครื่องยา)เดื่อเครือ(เชียงใหม่) ม้าทะลายโรง(อีสาน) ม้าคอกแตก คอกม้าแตก มันฤาษี กาโร(ระนอง) พญานอนหลับ(นครสวรรค์) มาดพรายโรง(โคราช) ชื่อวิทยาศาสตร์Ficus foveolata Wall. ชื่อพ้อง ชื่อวงศ์Moraceae ลักษณะภายนอกของเครื่องยา:               ไม้เถาขนาดใหญ่ เป...

124

ว่านน้ำ
ว่านน้ำ ชื่อเครื่องยาว่านน้ำ ชื่ออื่นๆของเครื่องยา ได้จากรากและลำต้นใต้ดิน ชื่อพืชที่ให้เครื่องยาว่านน้ำ ชื่ออื่น(ของพืชที่ให้เครื่องยา)ว่านน้ำเล็ก ตะไคร้น้ำ คาเจียงจี้ ทิสืปุตอ ผมผา ส้มชื่น ฮางคาวน้ำ ฮางคาวบ้าน ฮางคาวผา ชื่อวิทยาศาสตร์Acorus calamus L. ชื่อพ้องAcorus angustatus Raf., Acorus angustifolius Schott, Acorus belangeri Schott, Acorus calamus-aromaticus Clairv., Acorus casia Bertol., Acorus commersonii Schott, Acorus commutatus Schott, Acorus elatus Salisb...

123

โลดทะนงแดง
โลดทะนงแดง ชื่อเครื่องยาโลดทะนงแดง ชื่ออื่นๆของเครื่องยา ได้จาก ชื่อพืชที่ให้เครื่องยาโลดทะนงแดง ชื่ออื่น(ของพืชที่ให้เครื่องยา)ข้าวเย็นเนิน (ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์); ดู่เบี้ย ดู่เตี้ย (เพชรบุรี); ทะนง รักทะนง (นครราชสีมา); ทะนงแดง (ประจวบคีรีขันธ์); นางแซง (อุบลราชธานี); โลดทะนงแดง (บุรีรัมย์);หนาดคำ (เหนือ) หัวยาเข้าเย็นเนิน ข้าวเย็นเนิน (ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์) ชื่อวิทยาศาสตร์Trigonostemon reidioides (Kurz) Craib ชื่อพ้อง ชื่อวงศ์Euphorbiaceae ...

179

เกลือสินเธาว์
เกลือสินเธาว์ ชื่อเครื่องยาเกลือสินเธาว์ ชื่ออื่นๆของเครื่องยาเกลือหิน เกลือเทศ เกลือบก ได้จากเกลือแกงที่ได้จากใต้ดิน (ได้จากดินเค็ม ดินโป่ง) ชื่อพืชที่ให้เครื่องยา- ชื่ออื่น(ของพืชที่ให้เครื่องยา)- ชื่อวิทยาศาสตร์- ชื่อพ้อง- ชื่อวงศ์- ลักษณะภายนอกของเครื่องยา:           เป็นผลึกสีขาว รสเค็ม   เครื่องยา เกลือสินเธาว์   เครื่องยา เกลือสินเธาว์     ...

168

ตานหม่อน
ตานหม่อน ชื่อเครื่องยาตานหม่อน ชื่ออื่นๆของเครื่องยา ได้จากใบ ชื่อพืชที่ให้เครื่องยาตานหม่อน ชื่ออื่น(ของพืชที่ให้เครื่องยา)ตานหม่น ตานค้อน ตาลขี้นก ช้าหมากหลอด ชื่อวิทยาศาสตร์Tarlmounia elliptica (DC.) ชื่อพ้องCacalia elaeagnifolia Kuntze, Strobocalyx elaeagnifolia (DC.) Sch.Bip., Strobocalyx elliptica (DC.) Sch.Bip., Vernonia elaeagnifolia DC., Vernonia elliptica ชื่อวงศ์Asteraceae ลักษณะภายนอกของเครื่องยา:      &nb...

#สมุนไพรใกล้ตัว  #ขมิ้นอ้อย

#สมุนไพรใกล้ตัว #ขมิ้นอ้อย

#สมุนไพรใกล้ตัว #ขมิ้นอ้อย

View
ขมิ้นอ้อย ขมิ้นชัน ขมิ้นขาว วรากรสมุนไพร

ขมิ้นอ้อย ขมิ้นชัน ขมิ้นขาว วรากรสมุนไพร

ขมิ้นอ้อย ขมิ้นชัน ขมิ้นขาว วรากรสมุนไพร

View
9 สรรพคุณ ขมิ้นอ้อย (ห้ามพลาด!! ขมิ้นชัน ต่างจากขมิ้นอ้อย อย่างไร?)|Arin D.I.Y♡EP.72

9 สรรพคุณ ขมิ้นอ้อย (ห้ามพลาด!! ขมิ้นชัน ต่างจากขมิ้นอ้อย อย่างไร?)|Arin D.I.Y♡EP.72

9 สรรพคุณ ขมิ้นอ้อย (ห้ามพลาด!! ขมิ้นชัน ต่างจากขมิ้นอ้อย อย่างไร?)|Arin D.I.Y♡EP.72

View
ขมิ้นอ้อย ขมิ้นหัวขึ้น สากกะเบือละว้า ขมิ้นเจดีย์ ว่านเหลือง

ขมิ้นอ้อย ขมิ้นหัวขึ้น สากกะเบือละว้า ขมิ้นเจดีย์ ว่านเหลือง

ขมิ้นอ้อย ขมิ้นหัวขึ้น สากกะเบือละว้า ขมิ้นเจดีย์ ว่านเหลือง

View
ขมิ้นอ้อย สมุนไพรสรรพคุณร้อย ประโยชน์ล้าน

ขมิ้นอ้อย สมุนไพรสรรพคุณร้อย ประโยชน์ล้าน

ขมิ้นอ้อย สมุนไพรสรรพคุณร้อย ประโยชน์ล้าน

View
ขายสมุนไพร​ขมิ้นอ้อย​ by.เมล็ด​พันธุ์​ดี​เกษตร​วิถี​ไทย​

ขายสมุนไพร​ขมิ้นอ้อย​ by.เมล็ด​พันธุ์​ดี​เกษตร​วิถี​ไทย​

ขายสมุนไพร​ขมิ้นอ้อย​ by.เมล็ด​พันธุ์​ดี​เกษตร​วิถี​ไทย​

View
ขมิ้นต้นของแท้ สมุนไพรทีผู้ชายตามหามานาน

ขมิ้นต้นของแท้ สมุนไพรทีผู้ชายตามหามานาน

ขมิ้นต้นของแท้ สมุนไพรทีผู้ชายตามหามานาน

View
ขมิ้นอ้อยและขมิ้นขาวแก้กรดไหลย้อนชะงัดนักแล #โจฮักนะสารคาม EP.651

ขมิ้นอ้อยและขมิ้นขาวแก้กรดไหลย้อนชะงัดนักแล #โจฮักนะสารคาม EP.651

ขมิ้นอ้อยและขมิ้นขาวแก้กรดไหลย้อนชะงัดนักแล #โจฮักนะสารคาม EP.651

View
ขมิ้น​ สารสกัดขมิ้นชัน​ วิธีสกัดสารสมุนไพรด้วยแอลกอฮอร์

ขมิ้น​ สารสกัดขมิ้นชัน​ วิธีสกัดสารสมุนไพรด้วยแอลกอฮอร์

ขมิ้น​ สารสกัดขมิ้นชัน​ วิธีสกัดสารสมุนไพรด้วยแอลกอฮอร์

View
พบแล้ว..!!! 9 สรรพคุณของขมิ้นชัน ยอดสมุนไพรไทย สู้โรค... | Nava DIY

พบแล้ว..!!! 9 สรรพคุณของขมิ้นชัน ยอดสมุนไพรไทย สู้โรค... | Nava DIY

พบแล้ว..!!! 9 สรรพคุณของขมิ้นชัน ยอดสมุนไพรไทย สู้โรค... | Nava DIY

View

ถามตอบปัญหาสมุนไพรที่เกี่ยวข้องกับขมิ้นอ้อย
ดูถามตอบปัญหาสมุนไพรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง Click ที่นี่